Wednesday, June 2, 2010

จุดประสงค์ของแต่ละสถานีคร่าวๆรวมถึงตัวอย่างบางกรณีที่พอจะนึกได้

ลิ้งที่ มา http://www.stormclub.com/webboard/topic.php?id=00008854

ขอ ออกตัวไว้ก่อนครับว่า ผมไม่ใช่คนที่ขี่เร็วที่สุด เก่งที่สุด แต่ผมอยากให้หลายๆคนที่เริ่มขี่รถมีความปลอดภัยมากขึ้น สิ่งแรกที่ผมอยากให้ทุกท่านคิดตรงกันคือ เราจะทำอย่างไรให้ขับขี่ได้ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ทัศนะคติเป็นสิ่งสำคัญ มันจะนำพาท่านไปสู่วิธีที่ถูกต้องครับ

เริ่ม ต้นด้วย ขี่ช้าวงกลมหักแฮนด์สุด
จุดประสงค์ของสถานีนี้คือต้องการให้รู้ จักบาลานซ์รถ การใช้คลัตช์และเบรกหลังในการควบคุมรถ บาลานซ์คุณรู้จักตั้งแต่ basic แล้ว คลัตช์ละ ก็คือการตัดต่อกำลังเครื่องไม่ว่าคุณจะเร่งขนาดไหนไม่ปล่อยคลัตช์มันก็ไม่ไป เบรกหลังล่ะ เอาไว้เป็นหางเสือช่วยการทรงตัวของรถเวลาความเร็วต่ำ ความเร็วสูงก็มีบางกรณีครับ แต่ตอนนี้เอาความเร็วต่ำก่อน มันเป็นไงหว่าหางเสือรถ เวลาที่คุณเลี้ยวอยู่แล้วเบรกหน้าเป็นไงครับ แฮนด์จะหนักรถจะเอียงออกไปด้านตรงข้ามที่เราจะเลี้ยว แทนที่จะได้เลี้ยวมันจะกลายเป็นจอดแทน แต่ถ้าเราใช้เบรกหลังเวลาเลี้ยวรถจะเอียงเข้าไปด้านที่เราจะเลี้ยว พอเวลาที่ไปใช้บนถนนที่รถติดๆ เราก็จะใช้เบรกหลังในการช่วยเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาไปเรื่อย







สถานีต่อมาขี่เป็นวงรีต่อเนื่อง
ประโยชน์ของสถานีนี้ง่ายๆเลยครับ การกลับรถไง ถ้าคล่องแล้วถนนกี่เลนก็กลับได้
ลองนึกดูซิ ขี่ไปเที่ยวมา 75 จังหวัดแล้ว ผ่านมาแล้วโค้งแม่ฮ่องสอน ขุนตานเช็ดพื้นทุกโค้ง ว้า….แต่กลับรถไม่เป็น เดินหน้าถอยหลังอยู่นั้นเองไปไม่ได้ซักที่
การ ที่เราจะกลับรถให้ง่ายและปลอดภัย เราควรมองไกลๆซะก่อนว่ามีรถสวนมาไหมมีพื้นที่ให้เรามากน้อยขนาดไหน ประเมินสถานการณ์ซะก่อน เหมือนที่อาจารย์ต้อมสอนไว้ ลักษณะการมองตอนกลับรถก็อยู่ในสถานีนี้ครับ เช่นเราจะกลับรถ ก่อนถึงที่กลับซัก 20 – 30 เมตร เราก็มองตรงที่กลับรถว่ากว้างแคบแค่ไหน ต้องตีวงมากไหม มองไปว่ามีรถสวนมาไหม เลี้ยวทันไหม เหลืออีกซัก 10 เมตรก็ มองไปฝั่งที่เราจะกลับรถว่าถนนเป็นไงมีอะไรขวางไหม มีหินมีปี๊ปขวางอยู่หรือเปล่า การมองแบบนี้เป็นการมองล่วงหน้า การมองไปฝั่งที่เราจะเลี้ยว ช่วยให้เราเห็นล่วงหน้าก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้นได้ตั้งนาน ถึงแม้ว่าจะมีรถสวนมาแล้วเรายังกลับรถไม่ได้ เราก็รู้แล้วว่าถนนที่เราจะกลับนั้นมันเป็นไง สมาธิเราก็ไปสนใจกับรถที่สวนมาพอรถผ่านไปเราก็สามารถออกตัวได้เลยโดยไม่ต้อง มาห่วงว่าถนนจะเป็นไง ก็ในเมื่อเรามองไว้แล้ว เราเห็นแล้ว

การหักแฮนด์สวนทาง
การหักแฮนด์สวนทางจะทำให้รถเอียงไปในทิศที่เราต้องการ ได้ง่ายครับ ประโยชน์ของมันใช้ได้กลายอย่างครับ เช่น เราต้องหักหลบในกรณีฉุกเฉินทั้งความเร็วต่ำและสูง หรือในขณะที่เราเบรกหนักแล้วต้องเอียงรถ การหักแฮนด์สวนทางจะช่วยให้เอียงรถได้ง่ายขึ้นครับ หรือกรณีที่ เรามีคนซ้อน มีของเยอะ เอียงตัวดึงรถลำบากวิธีนี้ก็ช่วยได้ครับ อันนี้บอกไว้เฉยๆ เผื่อไม่เข้าใจ มีเวลาก็ทำ ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่มีใครว่าครับ

สถานีเบรกพร้อมลดเกียร์
สิ่งแรกที่เน้นย้ำคือการมองไกล ผมยกตัวอย่างง่ายๆของการมองไกลแล้วมีผลต่อการเบรกอย่างไร ที่สามแยกเกษตรนวมินทร์ คุณขี่มาแล้วจะเบรกเพื่อจะจอดที่ไฟแดง ถ้าคุณมองใกล้ คุณจะไม่รู้ว่าก่อนถึงแยกมันมีฝาท่อระบายน้ำที่เป็นเหล็กเรียบๆอยู่ 2 แผ่น แล้วถ้าต้องเบรกบนฝาท่อนั้น มันไม่ลื่นก็ดีไปแต่ถ้าวันไหนฝนตกผมว่ารอดยาก แต่ถ้าเรามองไกลหน่อย เราก็จะเห็นว่ามันมีฝาท่ออยู่ เราก็เบรกเร็วขึ้นหรือหาทางหลบมันซะ ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเสี่ยงเบรกบนฝาท่อใช่ไหมครับ

จริงๆควรเริ่ม ฝึกเบรกหน้าหลังก่อนนะครับ ลองจับความรู้สึกดูว่าการเบรกหน้าหลังโดยที่ล้อหลังไม่ล็อก แล้วค่อยฝึกลดเกียร์ไปด้วยโดยที่ยังไม่เบิ้ลคันเร่ง ฝึกที่ความเร็วต่ำๆนะครับ พอคล่องแล้วคล่อยลองใช้วิธีการเบิ้ลคันเร่งดู อย่าลืมเรื่องวิธีจับแฮนด์นะครับ
V-Grip ครับอย่าลืม ลองนึกดูก่อนนะครับว่าต้องทำอะไรตอนไหนทำความเข้าใจกับมันก่อนว่า เวลาลดเกียร์ลงรอบเครื่องเป็นไง สูงขึ้นใช่ไหม แล้วเบิ้ลคันเร่งแล้วเป็นไงรอบควรจะไปรออยู่แถวไหนถึงจะพอดีกับเกียร์ที่เรา ลดลงมา ไม่ยากแต่ต้องฝึกครับ

มาว่ากันถึงการลดเกียร์พร้อมเบรก มีประโยชน์อย่างไร

ทำให้ระยะเบรก สั้นลงไปอีกเพราะมีแรงหน่วงจากเครื่องยนต์มาช่วยเบรก
หรือถ้าต้องมีการ เดินคันเร่งต่อก็สามารถทำได้อย่างต่อเนื่องๆจากเครื่องยนต์อยู่ในรอบที่มี กำลัง รวมถึงการเข้าโค้งถ้าอยู่ในเกียร์ที่เหมาะสมก็ทำให้เข้าโค้งได้ดีและสามารถ เดินคันเร่งออกจากโค้งได้ดีเช่นเดียวกัน
หรือกรณีที่ฝนตกถนนลื่น การใช้เครื่องยนต์มาช่วยเบรก ขอเน้นนะครับว่าแค่มาช่วยเบรก ก็จะช่วยให้มีความมั่นคงในการเบรกมากขึ้นกว่าการใช้เพียงเบรกหน้าอย่างเดียว บางท่านที่ใช้เบรกหลังยังไม่คล่องหรือกะน้ำหนักเบรกยังไม่ดีนักการเบรกในถนน ที่ลื่นมีโอกาสล้อล็อกได้ง่ายมากยิ่งจะทำให้ควบคุมรถยากเข้าไปใหญ่ ดังนั้นควรฝึกไว้จะมีประโยชน์

การขับขี่ในสนาม
การขับในสนามนั้นไม่ใช้จะไปให้เร็วอย่างเดียวนะครับ อย่างนั้นไม่ได้ประโยชน์สำหรับการฝึก ที่เราให้ขับในสนามไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรจะสอนแล้ว แต่ถ้าคิดให้ดีคือการใช้ทุกอย่างที่สอนในวันนั้นนำมาใช้นะครับ ทั้งการมอง การเบรก การใช้คันเร่ง การเลี้ยวทั้งความเร็วสูงและต่ำครับ
เริ่มต้นจาก ก่อนเข้าโค้ง เราจะทำอะไรบ้าง อย่างแรกเราต้องมองให้ไกลครับ ประเมินว่าโค้งนั้นกว้างแคบแค่ไหนใช้ความเร็วได้ขนาดไหน รวมถึงว่าโค้งนั้นมีหลุมมีเศษกรวดเศษหินหรือป่าว ถ้าเป็นการขับบนถนนก็เช่นเดียวกัน ถ้าเรามองใกล้เข้าโค้งไปแล้วเจอปี๊ปร่วงอยู่กลางโค้ง จะจอดไปเตะปี๊ปก็คงทำไม่ได้ แต่ถ้ามองไกลจอดลงไปเก็บให้เพื่อนเราผ่านได้อย่างปลอดภัยได้ด้วยซ้ำ มาว่ากันต่อว่าจะทำไงก่อนเข้าโค้ง ผมขอใช้คำว่า “ลดความเร็วให้เหมาะสมกับโค้งและทักษะของเรา” ลดความเร็วมีหลายวิธีนะครับ ไม่ใช่แค่เบรกอย่างเดียว สมมุติว่าโค้งเนี้ยความเร็วมากที่สุดที่จะเข้าได้ 100 เรามาที่ 160
วิธีแรก มองไกล ยกคันเร่งไกลหน่อย ลดเกียร์ ก็เข้าได้ ถ้ามีอะไรในโค้งยังมีเบรกให้ใช้อีก
วิธีที่ 2 มองไกล ยกคันเร่ง เบรก ลดเกียร์ ก็เข้าได้ แต่เวลาแก้ไขลดลงถ้ามีอะไร
วิธีที่ 3 มองไกล ยกคันเร่ง เบรกหนัก ลดเกียร์เร็ว ไปลุ้นเอาว่าจะมีอะไรในโค้งหรือป่าว “มันมีอีกหลายวิธี แต่ทุกวิธี เข้าได้ที่ 100 หมด”
คุณจะเลือกวิธีไหน
ต่อ มาเข้าโค้งไปแล้วทำไง มองหา apex และทางออก แล้วค่อยเปิดคันเร่งทั้งบนถนนและในสนาม แต่ ยังมีแต่นะครับ สำหรับถนนถ้าไม่เห็นทางออกที่ชัดเจนอย่าไปเปิดคันเร่งซะเต็มที เห็นทางออกแล้วค่อยเปิด “ไปเที่ยวไม่ได้ไปแข่ง”
ถ้าคุณใช้วิธีแรก และวิธีที่ 2 รวมกันเวลาไปเที่ยว ถ้าไม่ซวยจริงๆ ไปได้กลับถึงแน่นอน

รเลือกใช้ท่าขับขี่ในโค้ง สาระสำคัญคือเราต้องประเมินเอาเองจากความเร็วที่เราใช้ แต่ละคนจะไม่เหมือนกัน โดยหลักก็คือ

1.Lean out ใช้กับความเร็วต่ำมากๆ ไม่มีแรงเหวี่ยงมาช่วยต้านแรงดึงดูดของโลก

2.Lean with ใช้กับความเร็วที่เริ่มมีแรงเหวียงมาต้านแรงดึงดูดของโลกแต่แรงทั้งสองยัง สมดุลกันทำให้การเอียงไปรถก็หักล้างแรงกันได้พอดี โดยไม่ต้องมีการถ่วงน้ำหนัก

3.Lean in ใช้กับกรณีที่แรงเหวี่ยงเริ่มจะมากกว่าแรงดึงดูดโลก (ความเร็วสูง-ค่อนข้างสูง) แรงเหวี่ยงที่มากกว่านี้จะพลักให้รถวิ่งออกนอกโค้ง การถ่ายน้ำหนักมาด้านในก็เพื่อช่วยเสริมแรงดึงไม่ให้รถแหกโค้ง การใช้ Lean in ยังช่วยให้เอียงรถน้อยกว่า Lean with เมื่อความเร็วเท่ากัน

4.Hang On แรงเหวียงมีแรงมากกว่าแรงดึง เราห้อยตัวเพื่อถ่วงน้ำหนัก และลดจุดศูนย์ถ่วงรวมระหว่างรถและคนขับให้ต่ำลง นอกจากนี้การใช้ Hang On ช่วยให้รถเอียงน้อยลงจากเดิมประมาณ 5 องศาทำให้ไม่ต้องใช้หน้าสัมผัสของยางจนหมด


หลักในการเลือกใช้คือ
แม้ จะเป็นรถคันเดียวกัน โค้งเดียวกันแต่ละคนอาจจะใช้ท่าขับขี่ในโค้งไม่เท่ากัน เพราะน้ำหนักและส่วนสูงของคนไม่เหมือนกัน อีกคนหนัก 55 อีกคนหนัก 65 แสดงว่าน้ำหนักถ่วงของคนหลังมากกว่าถ้ารถเอียงเท่าๆกัน ดังนั้นคนแรกที่หนัก 55 อาจจะต้องใช้ถ้า Lean IN ขณะที่คนหลังอาจจะใช้แค่ Lean with ก็ได้... อันนี้นักเรียนต้องไปพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะกับตัวเองว่าสมควรจะใช้ท่าไหน

แต่ สุดท้ายไม่ว่าท่านจะมาเรียนเป็นสิบครั้ง แต่ไม่กลับไปฝึกซ้อมก็ไม่มีประโยชน์ ครับ
การที่ท่านได้มาเรียนแต่ไม่ ซ้อม ท่านจะได้กลับไปเพียงแค่ รับรู้ ครับ

No comments:

Post a Comment