1. ฉีดน้ำให้แรงพอประมาณและใช้มือเรานี่แหละครับลูบเบาๆไปด้วยเพื่อให้คราบฝุ่น ขี้ดิน หลุดออกจากตัวรถให้มากที่สุด และเพื่อให้ฝุ่นที่เคลือบอยู่อ่อนตัว
2. ควรล้างด้วยน้ำสะอาดหรือล้างด้วยแชมพูล้างรถซึ่งมีหลายยี่ห้อให้ท่านเลือก ใช้ครับ
3. ควรล้างรถจากส่วนบน ลงล่าง โดยการใช้ผ้านุ่ม เช่นผ้าสำลี (ถ้าเป็นของใหม่ควรจะนำมาแช่น้ำไว้สัก 1 คืน และถ้าใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มได้ยิ่งดีครับ) และการล้างรถนั้น ขอแนะนำให้แบ่งผ้าออกเป็น 2 ผืน เหตุผลที่ต้องแยกเนื่องจาก โดยทั่วไปส่วนบนของรถจะมีฝุ่นน้อย ในขณะที่ด้านส่วนล่างของรถมีฝุ่นมาก(อย่าใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะอาจจะมีเม็ดกรวด ทรายติดอยู่)
ผืนแรก ใช้สำหรับล้างส่วนบน ถังน้ำมัน แฟริ่งด้านหน้า ด้านข้าง ด้านท้าย กระจกซ้าย ขวา แผงเรือนไมล์ ส่วนนี้เมื่อล้างเสร็จแล้วควรฉีดน้าล้างออกสักครั้งหนึ่งก่อนที่จะใช้ผืนที่ สอง (เพราะกว่าจะล้างส่วนที่สองเสร็จ น้ำยาล้างรถ หรือแชมพูอาจจะแห้งเป็นคราบขึ้นได้)
ผืนที่สอง ใช้สำหรับล้างส่วนด้านล่างของตัวรถ ตั้งแต่ตัวโช๊คหน้า โครงรถ เครื่องยนต์ ล้อหน้าและหลัง สวิงอาร์มหลัง และท้ายสุดครับ ส่วนบังโคลนและใต้ท้องรถ(พักเท้าละขาตั้งครับ) เพราะส่วนนี้จะสกปรกที่สุดครับ
4. ฉีดน้ำไล่แชมพูออกให้หมด จากนั้นใช้ลมเป่าให้แห้ง(กรณีนี้ถ้าใครมีปั้มลมจะดีมาก) ไม่แนะนำให้ขี่รถเพื่อให้ลมพัดให้แห้งเพราะจะทำให้มีฝุ่นเกาะมากขึ้น ควรทิ้งไว้สัก 10-20 นาทีแทนเพื่อให้น้ำหยดลงด้านล่างให้หมดครับ
5.ใช้ ผ้าแห้งนุ่ม (หรือพรมน้ำพอหมาดๆเพื่อให้ผ้านุ่มและอ่อนตัว) เช็ดรถให้แห้งทันที จะได้ไม่มีฝุ่นเกาะ และไม่เกิดคราบน้ำบนผิวสีรถ
อย่า ล้างรถกลางแดด เพราะแดด จะทำให้น้ำบนรถแห้งเร็ว และเกิดคราบน้ำขึ้น เพราะเม็ดหยดน้ำเปรียบเหมือนกระจกรวมแสงดีๆนี่และครับทำให้สีรถของเราเสื่อม ไวขึ้น
การล้างรถโดยใช้ ถังใส่น้ำล้าง
1. การล้างรถแบบนี้ ควรจะเปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ มิฉะนั้น สิ่งสกปรกที่ผสมอยู่ในน้ำ อาจทำให้เกิดริ้วรอยขีดข่วยบนรถได้ (วิธีการนี้ ไม่แนะนำให้ทำ ?. แต่ถ้าจำเป็นก็ต้องหมั่นซักผ้าและเปลี่ยนน้ำ)
ข้อควรระวังในการล้างรถ
1. ไม่ควรล้างรถตอนเย็น ด้วยตนเองเพราะหากล้างแล้วจอดทิ้งไว้อาจทำให้เกิดสนิม ในบางจุดที่เราเช็ดไม่แห้ง หรือไม่สามารถเช็ดแห้งได้ ยกเว้นแต่จะมีเครื่องเป่าน้ำให้แห้งลมจะช่วยให้ทุกซอยทุกมุม แห้งสนิท
2. ไม่ควรล้างรถกลางแดด เนื่องจากแสงแดด จะทำให้น้ำแห้งเร็ว และทำให้เกิดคราบน้ำบนสีรถขึ้น
การเช็ดรถที่ถูกวิธี
1. ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือผ้าชามัวร์ ในการเช็ดรถ เนื่องจากผ้าเหล่านี้ จะไม่ทำให้รถเป็นรอย แต่ถ้าผ้าชามัวร์แท้ ควรจะระวัง เวลาที่ผ้าชามัวร์แห้งสนิท จะแข็งตัว และเมื่อจะทำมาเช็ดรถ ก็ควรจะนำผ้าชามัวร์นั้น จุ่มน้ำให้เปียกจริง ๆ ทั้งผืน ก่อนเช็ดรถ เพราะถ้าไม่เปียกทั้งผืน แสดงว่ายังมีส่วนที่ยังไม่โดนน้ำที่ยังแข็งอยุ่ ซึ่งอาจทำให้สีรถเป็นรอยได้ง่าย
2. การเช็ดรถนั้น ควรเช็ดตั้งแต่ส่วนบนก่อน เพื่อให้น้ำหยดลงด้านล่างให้หมดก่อน ไล่ลงมาด้านล่างของรถ จะได้ไม่ต้องทำงานสองต่อไงครับ
3. ส่วนของรถดังต่อไปนี้ไม่ควรหลีกเลี่ยง ควรเช็ดให้แห้งที่สุด
ชิวล์หน้า กระจกซ้าย ขวา เพื่อให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ ชัดเจน ไม่มีอะไรมาบดบัง หรือระคายเคืองสายตา แผงเรือนไมล์ ใต้เบาะคนขับ และคนซ้อน ล้อแม็กซ์ ควรจะเช็ด ด้วย เพราะถ้าไม่เช็ดจะเป็นคราบน้ำน่าเกลียด และถ้าปล่อยไว้นาน ๆ คราบน้ำเหล่านั้น จะเช็ดออกยาก จนถึงเช็ดไม่ออก
ผ้าMicrofiber เท่าที่ลองใช้มาสามารถใช้ได้นานครับถ้าเราดูแลรักษาดีๆ ไม่ทำให้สกปรกจนเกินไป หรือถ้าไม่ตากแดดนานเกินไป อาจรู้สึกได้ว่าไม่นุ่มเหมือนเดิมไม่ถึงกับหยาบหรือแข็ง ถ้าเสื่อมก็จะซับนำได้ไม่ดีสังเกตุได้จากเมื่อเช็ดแล้วยังมีคราบน้ำหลงเหลือ อยู่มาก เพราะเป็นผ้าตระกูลเส้นใยสังเคราะห์น่ะครับที่ทำจาก polyester ลักษณะจะเป็นการหลอมแล้วรีดเส้นใยออกมา ปกติเส้นใยพวกนี้ด้วยตัวมันเองไม่อมน้ำ จึงต้องทอให้เป็นเส้นที่มีความละะเอียด เขาวัดเป็นดีเนียร์น่ะครับ ใน 1 เส้น อาจจะประกอบด้วย 120, 150,180 เส้น ฯลฯ ยิ่งละเอียด ยิ่งแพง แต่การดูดซับน้ำจะดีครับ
รู้วิธีกาารล้างกันแล้ว เราขอแนะนำ ยางรถมอเตอร์ไซค์ ขอบ17 ของ โยโกฮามา ดูรายละเอียดที่นี่เลย YOKOHAMA BIKE
ReplyDelete